การฉีดฟิลเลอร์คาง คางเป็นส่วนหน้าส่วนหนึ่งที่สำคัญมาก ถ้าคางสวย จะทำให้หน้าโดยองค์รวมสวย ใบหน้าได้รูป และคางในทางโหงวเฮ้ง เชื่อว่า คางสวยสมส่วน จะทำให้ ชีวิตอนาคตดีมากยิ่งขึ้น
แต่ในปัจจุบัน คนไข้บางคนติดภาพจากที่เห็นในทีวี ทั้งดาราบางคน เซเลบริตี้ หรือตามที่ส่งที่แชร์กันว่า คนไปฉีดคางมา แล้วดูเหมือนแม่มด ดูแหลม หรือแลดูผิดธรรมชาติ จนกลัว ไม่กล้าฉีดคาง
เราต้องเข้าใจก่อนว่า การฉีดฟิลเลอร์ให้ได้ผลดี ต้องคำนึงถึง2เรื่องเป็นปัจจัยหลัก
1. หมอที่ฉีดฟิลเลอร์ต้องเก่ง มีความรู้ดี มีศาสตร์และศิลป์แห่งการปรับรูปหน้า มีประสบการณืทางการฉีดฟิลเลอร์ โบธ็อกนี้โดยตรง
2. ฟิลเลอร์ที่ฉีดต้องเป็นของแท้ คือเป็น Hyaluronic acid ที่ผ่านอย. เพราะปัจจุบันมีของแท้ หรือของเถื่อนมากมาย และที่เห็นคางดูไม่สวย ไม่ธรรมชาติ ส่วนมากเกิดจากฉีดสารพวก ซิลิโคน ไม่ใช้ฟิลเลอร์แท้ หรือจากเทคนิคของแพทย์ที่ฉีด
การฉีดฟิลเลอร์คาง หมอที่ฉีดต้องมีความเข้าใจ และต้องรู้หลักการว่า คางที่เหมาะสม ควรมีลักษณะเช่นไร และสัมพันธ์กับใบหน้าอย่างไร ถึงจะเรียกว่าเหมาะสม และเข้ากับทฤษฏีแห่งความสวยงาม
1. ถ้าใบหน้าแบ่งออกเป็น3ส่วน ส่วนบน จากไรผมส่วนหน้าผากถึงคิ้ว ส่วนกลางจากคิ้วถึงปลายจมูก และ ส่วนล่างจากปลายจมูก ถึงส่วนล่างสุดของคาง 3ส่วนนี้ต้องเท่ากัน คือ อัตราส่วน 1:1:1 ถ้าสัดส่วนนี้เป็น1:1:0.7แสดงว่า คางอาจสั้นไป ต้องฉีดคางเพื่อให้สัดส่วนใบหน้าเหมาะสม
นี่คือหลังฉีด Filler Juvederm 1 CC ทำให้ได้สัดส่วนคางที่เหมาะสม ได้สัดส่วนที่ Perfect 1:1:1
สวยขึ่นทุกมุมมอง เมื่อใบหน้าได้สัดส่วน
2. รูปร่างคางที่เหมาะสมดูสวยงามแบบธรรมชาติ ถ้ามองด้านข้างควรเป็นรูป ตัว Sแบบ ยืดๆหน่อย บางคนมองด้านข้าง คางเป็นตัวยู แบบคางตันๆ ก็ดูไม่สวยไม่เหมาะสม หรือบางคนมองด้านข้าง คางเป็นรูปแหลมตัววี ก็ดูแหลมมากไม่ธรรมชาติ
3. เมื่อมองหน้าตรง คางผู้หญิง และผู้ชายควรแตกต่างกัน คางผู้หญิง ควรจะมนแบบพองาม (pointed chin) แต่คางผู้ชาย ควรมีเหลี่ยมมีมุม แบบผู้ชายควรเป็น เพื่อให้ดูธรรมชาติ และเหมาะสมกับเพศ ยกเว้นผู้ชายที่ต้องการความสวยหวานแบบผู้หญิง หรือผู้หญิงที่ต้องหน้าดูแมนๆแบบผู้ชาย ก็สามารถฉีดฟิลเลอร์ปรับคางให้ตามที่คนไข้ต้องการเป็นได้
ตัวอย่างคางที่เหมาะสมในผู้ชาย
ตัวอย่างคาง ที่สวยในผู้หญิง
4. เมื่อลากเส้นตรง จากจมูก มาแตะคาง เส้นนี้ควรอยู่หน้าปากบนและปากล่างประมาณ1-2มม เรียกเส้นนี้ว่า E-line ศาสตร์นี้ เป็นการดูความสันพันธ์ที่เหมาะสม ระหว่าง จมูก ปาก และคาง ถ้าปากยื่นเกนเส้นนี้ แสดงว่า ปากแหลมไป หรือคางสั้นไป หรือจมูกสั้นแบนไป ต้องดูความสัมพันธ์ให้เหมาะสม กับ อวัยวะ ทั้ง3อย่างบนใบหน้า แต่ถ้าเส้นนี้อยู่หน้ากว่า ปากเกิน2-3มม ไป อาจแปลได้ว่า คางยื่นออกหน้ามากไป หรือปากหุบในมากไป เราอาศัยหลักการนี้ ปรับให้สัดส่วน จมูก คาง และปากอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้ด้วยการ ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้คางออกมาสวยงามที่สุด
5. เมื่อแก้มหย่อนตกลง จะพบว่าคางเราจะเปลี่ยนโครงสร้าง ทำให้คางดูไม่สวย แต่ด้วยหลักการการฉีดฟิลเลอร์เพื่อยกหน้า การปรับคางด้วยเทคนิคที่ดี สามารถปรับให้แก้มที่ห้อยตกลง กลับยกขึ้นได้อีกด้วย ด้วยเทคนิคที่เรียกว่าฉีดฟิลเลอร์เพื่อคลี่ผิวส่วนที่หย่อนออก ทำให้หน้าดูยกกระชับขึ้นด้วย
6. คางที่เหมาะสม เวลาฉีดฟิลเลอร์คางต้องดูระดับความสัมพันธ์กับกระดูกมุมกรามด้วย ปกติแล้ว กระดูกมุมกราม และคางควรมีระดับที่ต่างกัน เช่น ยืนหน้าตรง และเรามองจากด้านข้าง กระดูกมุมกรามควรอยู่ระนาบเดียวกับปาก แต่คางต้องอยู่ระดับที่ต่ำลงมา จากที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ในบางคนที่กระดูกกรามใหญ่มาก และระดับของกรามแทบไม่ต่างจากระนาบของกระดูกคาง เวลาฉีดคางต้องปรับให้คางมีระดับต่ำกว่า มุมกรามพอสมควร ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์คาง หรือส่วนอื่นๆชองใบหน้า การออกแบบใบหน้าก่อน มีความสำคัญมาก
7. คางที่เหมาะสม ไม่ใช่จะดูแหลมแค่ตรงกลางคางเพียงอย่างเดียว เพราะจำทำให้ดูไม่ธรรมชาติ แต่การฉีดคางที่เหมาะสม ต้องฉีดให้ครบถ้วนทุกองค์ประกอบของคาง มีคนไข้หลายคนสงสัย ถามมาว่า การฉีดคางใช้ฟิลเลอร์กี่ซีซี ในบางครั้งในคนำข้บางคน การฉีดฟิลเลอร์คางเพียงซีซีเดียวอาจไม่เพียงพอ ด้วยเหตุผลเหล่านี้
นี่คือรูป องค์ประกอบส่วนต่างๆของคางที่เหมาะสม
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์คางแล้ว บางคนอาจต้องใช้การฉีดโบธ็อกที่คางร่วมด้วย เพื่อให้คางสวยมากยิ่งขึ้น ทำให้คางเรียบสมส่วน ทำให้รูปร่างคางสวยมากขึ้น และยังทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้นอีกด้วยครับ
คางเป็นส่วนที่สำคัญส่วนหนึ่งของใบหน้า ถ้าปรับให้สวยอย่างเหมาะสม และเข้ากับองค์ประกอบอื่นๆของใบหน้า ใบหน้าโดยรวใจะออกมาสวยอย่างยิ่งครับ
การฉีดฟิลเลอร์ไม่ว่าจะส่วนไหนของใบหน้า ไม่ใช่ว่าแพทย์หรือหมอคนไหนฉีดก็ได้ การเลือกแพทย์ที่มีความรู้ และประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญด้านการฉีดฟิลเลอร์ และปรับรูปหน้า และต้องรู้จักการใช้ศิลปะมาปรับให้เข้ากับการฉีด
