ขณะนี้นอกจากฝุ่น PM 2.5 ที่หนาปกคลุมทั่วท้องฟ้า ก็ยังมี โรคระบาดส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจของเราอีก นั่นคือ “ไวรัสโคโรนา” ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในจีนตอนนี้ และเริ่มมีการแพร่เข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่พบผู้ติดเชื้อมากที่สุด รองจากจีนด้วย!
ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ คือโรคอะไร? ระบาดจากไหน? มีต้นตอมากจากอะไร? DSclinic สรุปข้อมูลมาให้เข้าใจ และรู้จักกับ ‘ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่’ รวมถึงวิธีสังเกตอาการ และการป้องกันตัวเอง และสถานการณ์อัพเดท สำหรับการเตรียมตัวรับมือกันค่ะ
ไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ คือโรคอะไร?
Coronaviruses เป็นไวรัส RNA และเป็นไวรัสกลุ่มใหญ่ ที่พบครั้งแรกในช่วงทศวรรษปี 1960 ซึ่งชื่อ Corona ของไวรัสนี้ เป็นภาษาลาติน ที่แปลว่ามงกุฎ หรือ รัศมี จากรูปทรงของไวรัสที่คล้ายคลึงกับมงกุฎ ซึ่งปกติแล้ว ไวรัสนี้จะเกิดขึ้นในสัตว์ ตั้งแต่สัตว์ป่า อย่างค้างคาว ไปถึงสัตว์เลี้ยงทั่วไปได้ และในบางกรณี ไวรัสนี้สามารถถ่ายทอด และติดต่อจากสัตว์ สู่มนุษย์ได้ด้วย
จริงๆ แล้วเชื้อไวรัสโคโรนา เป็นเชื้อที่ไม่อันตราย และเป็นปกติที่คนจะติดเชื้อนี้ มีอาการตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดา จนถึงโรครุนแรง ซึ่งก่อนหน้านี้ เรารู้จักเชื่อไวรัสนี้ ในชื่อโรคซาร์สหรือโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (Severe Acute Respiratory Syndrome หรือ SARS-CoV) ที่เคยระบาดมาก่อนในเอเชีย เมื่อปี 2002 และ โรคเมอร์สหรือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) ที่พบในตะวันออกกลาง เมื่อปี 2012
ที่มาของไวรัสโคโรนา
ไวรัสโคโรนาที่ระบาดอยู่ในตอนนี้ เป็นไวรัสตัวใหม่ที่ถูกเรียกในชื่อ ‘2019-nCoV’ ซึ่งตอนนี้ นักวิทยาศาสตร์เองต่างพยายามศึกษา และทำความเข้าใจถึงข้อมูลของมันอยู่
จุดเริ่มต้นของการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์ใหม่ในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากพบผู้ป่วยหลายคน ในเมืองอู่ฮั่น เมืองที่มีประชากรกว่า 11 ล้านคน ในมณฑลหูเป่ย มีอาการคล้ายปอดอักเสบ และอาการไข้หวัดใหญ่ ซึ่งหลังจากเก็บตัวอย่างไวรัสของคนไข้นำไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการณ์ ทางการจีนก็ได้ออกมายืนยันในวันที่ 31 ธันวาคม 2019 ว่า เกิดการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจีน และองค์กรอนามัยโลก (WHO) ระบุชื่อเรียกว่า ไวรัสโคโรนา
ซึ่งคณะกรรมการด้านสุขภาพของอู่ฮั่นระบุว่า การติดเชื้อเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 12 – 29 ธันวาคม ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจุดเริ่มต้นมาจากตลาดอาหารทะเลของเมืองอู่ฮั่น ซึ่งผู้ป่วยบางรายทำงาน และเป็นลูกค้าที่ตลาดนี้ ที่นอกจากการขายสัตว์ทะเลทั่วไปแล้ว ตลาดนี้ยังมีการจำหน่ายสัตว์ที่มีชีวิตอื่นๆ เช่น นก กระต่าย และงู
วิธีการติดต่อ และอาการของโรค
อาการโดยรวมของไวรัสตัวนี้ คล้ายคลึงกับไข้หวัด ซึ่งมีทั้งอาการ ไอแห้งๆ เจ็บคอ น้ำมูกไหล จาม มีไข้สูง รวมไปถึงหายใจเหนื่อยหอบ ซึ่งเป็นอาการของโรคทางเดินระบบหายใจ ทั้งอาจจะมีอาการอย่างการท้องเสียเกิดขึ้นได้ด้วย โดยระยะฟักตัวของอาการจะอยู่ที่ประมาณ 2-14 วัน หากร่างกายมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา แล้วมีการแพร่กระจายไปยังท่อทางเดินหายใจส่วนล่าง (Lower respiratory tract) ซึ่งคือส่วนหลอดลมและปอด ก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด โรคปอดอักเสบ ปอดบวม หลอดลมอักเสบได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจหรือผู้ที่ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ซึ่งทางการจีนได้ออกมายืนยันแล้วว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นี้ แพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ หลังจากที่พบผู้ป่วยหลายคน ไม่มีประวัติการเดินทางไปที่ตลาดอาหารทะเลอู่ฮั่นมาก่อน ก็ติดเชื้อได้ โดยการแพร่เชื้อจากคนสู่คน มักเกิดขึ้นจากการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ เช่น ละอองจากการไอขึ้นอยู่กับความรุนแรงของเชื้อไวรัส ทั้งยังแพร่กระจายได้โดยการสัมผัสสิ่งที่ผู้ติดเชื้อสัมผัสแล้ว เช่นแตะที่ปาก จมูก หรือตา ด้วย
เมื่อตรวจพบแล้วว่าตนเองมีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา ควรบอกถึงอาการกับแพทย์อย่างละเอียดว่ามีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเช่นไร และแจ้งข้อมูลสำคัญอื่นๆ ให้แพทย์ทราบ ว่าก่อนที่จะมีการติดเชื้อนั้นได้เดินทางไปที่ใดบ้าง ที่อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ เพราะข้อมูลเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุได้
ในตอนนี้ ยังไม่มีวิธีรักษาเฉพาะสำหรับเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่สามารถหายได้ เพราะก็มีผู้ที่หายจากโรคแล้วด้วย โดยส่วนใหญ่ฟื้นตัวได้ด้วยตนเอง ซึ่งเมื่อมีการติดเชื้อไวรัส ก็มีวิธีการดูแลตนเองไม่ต่างจากเป็นไข้หวัด ดังนั้นจึงต้องมีการพักผ่อนให้เต็มที่ ดื่มน้ำมากๆ รับประทานยาเพื่อรักษาอาการเจ็บคอและมีไข้ แต่ก่อนที่จะใช้ยาตัวใดในการรักษา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยา แม้ว่าไวรัสโคโรนาจะเป็นสาเหตุของโรคเมิร์ส หรือโรคซาร์ส ในหลายๆ ประเทศ แต่การติดเชื้อไวรัสโคโรนานั้นก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามร้ายแรง สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี ดังนั้นการป้องกันโรคไวรัสต่างๆ ที่ดีคือควรรักษาสุขภาพให้มีความแข็งแรงอยู่เสมอ สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเพื่อต้านทานโรค
ซึ่งที่ DSclinic มีตัวช่วยสำคัญคือ IMMUNE BOOSTER DRIP ตัวยาดริปวิตามินเพิ่มภูิมคุ้มกันในร่างกายจากเยอรมัน เพิ่มระบบการทำงานของเม็ดเลือดขาว NK Cell Activity เหมาะสำหรับคนทำงานหนัก พักผ่อนน้อย เป็นภูมิแพ้เป็นประจำ ป้องกันในกรณีที่ร่างกายที่ถูกข้าศึกไวรัสรุกราน แล้วมีทหารประจำการเม็ดเลือดขาวต่อสู้กับเชื้อโรค
วิธีที่ช่วยให้ หลีกเลี่ยง ห่างไกลไวรัสโคโรนา
- ระหว่างเดินทางในต่างประเทศขอให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หรือมีมลภาวะ และไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยไอจาม หากเลี่ยงไม่ได้ให้สวมใส่หน้ากากอนามัย
- หลีกเลี่ยงการเข้าไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต การสัมผัสหรืออยู่ใกล้ชิดกับสัตว์ และหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร เนื้อสัตว์ที่ไม่สุกดี
- หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น
- ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น (เช่น ผ้าเช็ดหน้า แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว) เนื่องจากเชื้อก่อโรคทางระบบทางเดินหายใจสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
- รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- รับประทานวิตามิน และอาหารเสริมเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย
- หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทย ภายใน 14 วัน ถ้ามีอาการไข้ มีอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้สวมหน้ากากอนามัย และรีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง เนื่องจากมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนปอดบวม และมีอาการรุนแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้
- รวมถึงให้สอบถามอาการได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422