อัลเทอร่า กับ เทอร์มาจ
Ulthera VS. Thermage
ต่างกันยังไง ทำตัวไหนดี
อัลเทอร่า (Ulthera) กับ เทอร์มาจ (Thermage) คำถามที่คนถามหมอบ่อยๆ ว่าจะเลือกตัวไหนดีที่ช่วยฟื้นคืนความกระชับให้ใบหน้าของเราอ่อนเยาว์ เทคโนโลยีสองเครื่องนี้ ต่างกันยังไง ตัวไหนดีกว่ากัน ถามพนักงานแต่ละคลินิกก็ตอบไม่เหมือนกัน ทั้งสองตัวต่างก็เป็น World Standard และผ่านการรับรองจากสถาบันที่เป็นที่ยอมรับอย่างองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา US FDA ที่ควบคุมมาตรฐานเครื่องมือแพทย์ต่างๆ หากเครื่องมือตัวใดผ่านการรับรอง นั่นหมายถึง การการันตีผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เห็นผลจริง และเชื่อถือได้
ULTHERA vs THERMAGE ยกกระชับหน้าด้วยตัวไหนดี
หลายปัจจัยที่ทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย ไม่ว่าจะเป็นอายุที่มากขึ้นรื่อยๆ แสงแดด มลภาวะ ปัจจัยความเครียด เมื่อเวลาผ่านไป คอลลาเจน และอิลาสตินในชั้นผิว ก็เริ่มลดลง ซึ่งคนเราโดยปกติ คอลลาจนจะลดลงประมาณปีละ 1 เปอร์เซนต์ทุกปีหลังจากอายุมากกว่า 30 ปี ทำให้คอลลาเจนไม่แน่นกระชับ ส่งผลให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น เกิดความหย่อนคล้อยของใบหน้า เกิดร้ิวรอยเล็กๆบนใบหน้า และดูมีอายุ
ด้วยเหตุนี้เองจึงต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่าอัลเทอรา (Ulthera) vs. เทอร์มาจ (Thermage)
1.อัลเทอรา (Ulthera) เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวล่าสุดในขณะนี้ อัลเทอรา (Ulthera) เป็นการยกกระชับในระดับที่ลึกที่สุดเท่าที่เคยมีมา ใช้พลังงานโฟกัสอัลตร้าซาวด์ ส่งพลังงานลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อพังผืด (SMAS/ superficial muscular aponeurotic system) ซึ่งเป็นชั้นที่หมอศัลยกรรมใช้ผ่าตัดดึงหน้า อัลเทอราพี (Ulthera) จะส่งพลังงานลงไปเป็นจุดๆ ถี่ ๆ ในหลายความลึก (1.5/3/4.5) โดยพลังงานที่ส่งลงไปจะเสมือนลงไปเย็บตะเข็บผ้าที่ยืดย้วยให้กลับมาตึงอีกครั้ง ทำให้เห็นผลชัดเจนในด้าน ผิวยกกระชับขึ้น คิ้วยกขึ้น ตาโตขึ้น สามารถแก้ไขกรอบหน้าให้คมชัดได้รูป ผลการรักษาอยู่ได้นาน 1 ปี
เทคโนโลยี :Microfocus Ultherasound with Visualization
ระดับความลึก : ชั้น SMAS (ชั้นเดียวกับการผ่าตัดดึงหน้า)
ข้อดีของ Ulthera คือเด่นในด้านยกหน้า เพราะพลังงานลงลึกกว่าถึงชั้น SMAS และมีหัว scanner ที่เห็นระดับความลึกชั้นผิวที่ยิงพลังงานได้ (Visualization) และสามารถเลือกระดับความลึกของการยิงพลังงานได้หลายระดับตามที่ต้องการแก้ไข
ข้อเสีย คือผลลัพธ์การรักษา และการแก้ปัญหาให้คนไข้ แปรผันตามจำนวน line จุดพลังงานที่ยิงลงไป
เทอร์มาจ (Thermage) คือเทคโนโลยีการยกกระชับผิวในชั้นนี้โดยใช้หลักการส่งพลังงานคลื่นวิทยุ ความถี่สูง ( Monopolar RF) – พลังงานเป็นลักษณะเป็นก้อนความร้อน พลังงานจะครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างกว่า แต่ตื้นกว่า พลังงานคลื่นวิทยุเข้าไปทำงานในส่วนนี้ของผิว คือจะลงไปแก้ปัญหาที่เส้นใยคอลลาเจนที่หย่อนคล้อย ขาดการยืดหยุ่นสปริงตัว ทำให้เส้นใยคอลลาเจนหดกลับมา และมีเกลียวที่ขึงตึงขึ้น ผิวกระชับขึ้น
เทคโนโลยี : Monopolar RF
ระดับความลึก : ชั้นไขมันและชั้นคอลลาเจน
ข้อดีของ Thermage เด่นในเรื่องของการลดเนื้อไขมันและเพิ่ม skin quality ริ้วรอย รูขุมขน มากกว่าการยกกระชับ
ข้อเสีย คือ พลังงานเป็นลักษณะเป็นก้อนความร้อนไม่สามารถระบุชั้นผิวที่ต้องการยิงพลังงงานได้ เป็นลักษณะการยิงกระจายทั่วๆชั้นผิวและชั้นไขมัน ไม่มีหัวสแกนเนอร์มองระดับชั้นผิวที่ต้องการยิงได้ ( No Visualization)
มีความร้อนสูงบนผิวหนังทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฝ้า และ เจ็บมากกว่าการทำ Ulthera
ภาพความแตกต่างพลัังงานของสองเทคโนโลยีอัลเทอร่า กับเทอร์มาจ
ข้อดีของ Thermage คือช่วยให้หน้าแน่น ลดแก้ม
ส่วนข้อเสียของ Thermage คือคลื่นพลังงานความร้อนที่ยิงจากผิวหนังชั้นบนทำให้เกิดความเสี่ยงในการกระตุ้นการเกิดฝ้าได้ และเจ็บมากกว่า
ทั้งสองเครื่องต่างได้มาตรฐาน US FDA และเด่นในด้าน Non-surgical facelift เช่นเดียวกัน และทำหนึ่งครั้งเห็นผลได้ระยะเวลานานเหมือนกันคือ 1 ปี แต่ถ้าเทียบในความคุ้มค่า และสิ่งที่คนภายนอกสังเกตเห็น การทำ Ulthera นั้นคุ้มค่ากว่า เพราะการปรับโครงสร้างผิวที่ยกกระชับได้ เห็นผลได้ไวกว่า และอยู่นานกว่า
ความคิดเห็นของแพทย์ ถ้าสามารถทำได้สองเครื่อง ควรเลือกทำ Ulthera ก่อนเพราะกระตุ้นชั้น SMAS ให้สร้าง Framework ให้ผิวแข็งแรงยกกระชับขึ้นมาก่อน แล้วค่อยทำอัลเทอร่านะครับ จะได้ผลลัพธ์ที่สวยกว่า ชั้นผิวที่แข็งแรงกว่าและ และในแง่เทคนิคแพทย์ที่ทำการรักษา การที่อัลเทอร่ามีหัวสแกนเนอร์มองเห็นใต้ผิวหนังมันทำให้เลือกได้ว่าต้องการยิงกระตุ้นคอลลาเจนผิวหนังชั้นไหน และตรวจดูได้ว่า SMAS อยู่ระดับลึกหรือตื้นแค่ไหน มันตอบโจทย์แพทย์ได้มากกว่าจากการที่ตรวจประเมินปัญหาบนใบหน้า และวิเคราะห์สภาพผิวว่าปัญหาอยู่ตรงไหน เราอยากเลือกระดับชั้นไหนที่ต้องการยิง แพทย์ที่เป็นคนเลือกสามารถปรับเทนิคการยิงพลังงาน เฉพาะราย เฉพาะบุคล เฉพาะปัญหาในแต่ละตำแหน่งได้มากกว่า
และที่สำคัญไม่ว่า Ulthera หรือ Thermage ควรทำกับคลินิกที่มีเครื่องแท้เท่านั้น
ไม่ต้องเสี่ยงกับเครื่องปลอม เลียนแบบ โดยสามารถตรวจสอบได้จากใบ Certificate จากบริษัท